ทุกวันนี้ปฎิเสธไม่ได้เลยนะคะ ว่าการศึกษาเป็นปัจจัยสำคัญในชีวิต สมัยก่อนๆที่การศึกษาถือว่าเป็นสิ่งจำกัด แต่ทุกท่านทราบหรือไม่ว่ามีอะไรที่แตกต่างกันระหว่างการศึกษาของไทยในอดีตและปัจจุบัน คำตอบก็คือรูปแบบการจัดการศึกษาของสมัยก่อนกับปัจจุบัน
สำหรับการศึกษาไทยในสมัยก่อน ทุกท่านคงจำได้ว่าการเรียนในสมัยก่อนมีรูปแบบการเรียนการสอนแบบเน้นครูเป็นศูนย์กลาง ครูมีหน้าที่สอนและพูดหน้าชั้นเรียน ส่วนนักเรียนก็มีหน้าที่นั่งฟังนั่งจด รู้เรื่องมากน้อยแค่ไหนหรือไม่รู้อะไรเลยก็สุดแท้แต่ความสามารถของแต่ละคน
แต่เมื่อสังคมได้ก้าวเข้าสู่โลกยุคใหม่ที่อัดแน่นไปด้วยสื่อทันสมัยและความสะดวกต่างๆทำให้เพิ่มความหลากหลายให้กับรูปแบบการศึกษาอย่างมาก สิ่งที่สังเกตได้ชัดก็มาจากหลายสิ่งที่อยู่ใกล้ตัว อย่างเช่น ใครที่มีลูกหลานอยู่ในช่วงประถมต้นๆก็จะมีแปลกใจอยู่นิดนึงว่า เอ๊ะ! เด็กเพิ่งพ้นวัยอนุบาลนี่ได้เรียนเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์กันแล้ว หรือบางคนที่ส่งลูกหลานวัยเล็กเข้าโรงเรียนอนุบาลในระบบหลักสูตรใหม่หลายคนก็อดอิจฉาเด็กๆไม่ได้ที่มีโอกาสได้เล่น ได้ไปที่นั่นที่นี่ ได้ทำกิจกรรมเต็มที่แถมได้ผลงานติดไม้ติดมือกลับมาไม่เว้นแต่ละวันอีกด้วย ยิ่งหลักสูตรบางโรงเรียนแทบจะเรียกได้ว่าเด็กได้มีโอกาสเรียนรู้และทำสิ่งต่างๆมากกว่าประสบการณ์ที่เราได้รับมาทั้งสิบกว่าปีในชีวิตการเรียนซะอีกค่ะ
ไม่เพียงแต่หลักสูตรเท่านั้นที่มีการเปลี่ยนแปลง สื่ออุปกรณ์เองก็มีการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน ทุกท่านจำได้ไหมคะว่าเมื่อก่อนนี้ สื่ออุปกรณ์ในห้องเรียนของเราคืออะไร แน่นอนว่าคำตอบยอดฮิตคงหลุดไม่พ้นกระดานดำหรือช๊อคเขียนกระดาน แต่เมื่อตัดภาพมาที่ห้องเรียนในยุคนี้แทบจะไม่มีห้องไหนไม่มีจอโปรเจคเตอร์ฉายสไลด์เป็นของตัวเอง แถมบางโรงเรียนยังมีห้องพิเศษที่มีจอสมาร์ทบอร์ดหรือที่เรียกกันว่า ระบบ Smart Classroom ที่ทำหน้าที่เป็นเหมือนแท็บเล็ตอันยักษ์สำหรับให้เด็กได้ค้นคว้าเรียนรู้ด้วยตนเองอีกด้วย
น่าสนใจนะคะว่าช่วงเวลาไม่กี่ปี แต่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้มากขนาดนี้ เชื่อว่าตราบใดที่โลกเรายังคงก้าวหน้าต่อไปและมีเทคโนโลยีอะไรใหม่ๆหมุนเวียนเข้ามา การศึกษาในยุคนี้ก็จะยิ่งทำให้เด็กๆพัฒนาทักษะได้เร็วขึ้น และ มีนวัตกรรมที่น่าจับตามองอยู่เรื่อยๆแน่นอน
コメント